วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วิธีการปลูกและการเจริญเติบโต

    ฤดูกาลที่ผลิตมีส่วนทำให้ดอกบานเร็วหรือช้าได้ ฤดูร้อนดอกจะบานเร็ว แต่ก็โรยเร็วเช่นกัน ส่วนฤดูหนาวจะบานช้า แต่ดอกจะสมบูรณ์ สวย และโรยช้า
     ดินที่ใช้ปลูก มีอินทรียวัตถุ ระบายน้ำดี รดน้ำแต่ละครั้งควรดูสภาพดินด้วย ว่าเหมาะแก่การรดน้ำหรือไม่ ถ้าความชื้นไม่พอต้องรดน้ำเป็น 2 ครั้งต่อวัน 
     ดอกforget me notเป็นพืชเมืองหนาว ปกติจะปลูกบนที่สูง อุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส การนำมาปลูกในกทม.ต้องรดน้ำวันละ 2 ครั้งเพราะเกิดการคายน้ำเยอะ ควรรดเวลา 6-7 โมงเช้าและเวลา 4-5 โมงเย็น
     อายุการเพาะเมล็ด 7 วันก่อนจะย้ายลงหลุม โดยคัดรุ่นที่โตไล่เลี่ยกันไปเลี้ยงต่ออีก 23 วัน ก่อนนำไปเลี้ยงในถุงเพาะ(ให้ดอกเจริญเติบโตสมบูรณ์ดีอีก 40-45 วัน)อายุโดยรวมตั้งแต่เพาะเมล็ด-ออกดอกรวม 70-80 วัน  
ที่มา:http://www.student.chula.ac.th/~53373300/forget_me_not.htm#วิธีการปลูก   

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ดอกแวววิเชียร vs ดอกForget me not

     forget me not ไทย หรือที่รู้จักกันในชื่อ แวววิเชียร ขอบอกไว้ก่อนว่าถ้าใครไปถามหา ดอก forget me not แบบสุ่มสี่สุ่มห้าแล้ว อาจจะต้องตกลงกันให้ดีกับคนขายก่อนว่า เป็นดอก forget me not ในความหมายเดียวกันหรือเปล่า สำหรับดอก forget me not ไทยนั้นคนไทยรู้จักกันในชื่อแวววิเชียรนั้นเป็นพืชเมืองร้อน เราว่ามีลักษณะคล้ายหรือใกล้เคียงกับพวก ลาเวนเดอร์ มากกว่า แล้วสีก็จะมีหลายสีไม่ใช่สีฟ้าครามเหมือนดอก forget me not ของฝรั่งค่ะ

     ใบและดอกของแวววิเชียรมีกลิ่นเฉพาะตัวที่จะติดมือเมื่อสัมผัส แวววิเชียรเป็นพืชที่ปลูกง่ายขึ้นได้ดีในดินทั่วไปแทบ ทุกชนิด ชอบความชุ่มชื้นและทนร่มเงาได้ ทนทานโรคแมลง โตเร็ว ขยายพันธุ์ง่ายโดยการแยกกอหรือปักชำกิ่ง แหล่งกำเนิดดั้งเดิมของแวววิเชียรยังค้นไม่พบ แต่มีหลักฐานว่า นำเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๔๕๓ โดยแหม่มคอลลินส์ นับถึงตอนนี้ก็มีอายุ ๙๖  ปีแล้ว ครั้งนั้นแวววิเชียรถูกนำเข้ามาจาก เมืองมัณฑะเลย์ สหภาพพม่า เดิมแวววิเชียรมีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า ต้นForget me not เข้าใจว่าเรียกตามแหม่มคอลลินส์  ผู้นำเข้ามาคนแรก

     ความจริงต้น Forget me not ที่รู้จักกันทั่วโลก เป็นพืชในสกุล Myosotis อยู่ในวงศ์ Boraginaceae เป็นพืชเขตอบอุ่น ไม่เกี่ยวข้องกับต้นฟอร์เก็ตมีน็อตของไทยเราเลย จะมีคล้ายกันบ้างก็ตรงที่สีกลีบดอกเป็นสีม่วงเท่านั้นเอง

     เนื่องจากต้น forget me not ของไทยไม่ใช่ Forget me not ของแท้ และยังไม่มีชื่อในภาษาไทย หลวงบุเรศบำรุงการ จึงตั้งชื่อให้ว่าต้นแวววิเชียร ซึ่งเป็นชื่อที่ไพเราะ และมีความหมายดีมาก ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่รู้จักและเรียกชื่อไม้ดอกชนิดนี้ว่าแวววิเชียร แต่ยังมีคนไทยบางกลุ่ม (ที่อายุมากและรู้จักไม้ดอกชนิดนี้มาในชื่อเดิม) ยังนิยมเรียกว่าฟอร์เก็ตมีน็อตอยู่ หากผู้อ่านได้ยินใครเรียกชื่อทั้ง ๒ นี้ก็ขอให้เข้าใจว่าเป็นพืชชนิดเดียวกันนั่นเองค่ะ
ที่มา:http://www.punica.co.th/bbs/viewthread.php?tid=189

                         ดอกforget me not
 
                   ดอกแวววิเชียร

วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ดอกแห่งความทรงจำ Forget me not


ตำนานดอก Forget-Me-Not (..ซึ้งสุดๆ..)

     คำว่า “ Forget-Me-Not” แปลว่า อย่าลืมฉัน เป็นคำพูดสุดท้ายของผู้ชายคนหนึ่งก่อนที่ความตายจะมาพรากเขาไปจากสาวคนรัก หนุ่มคนนี้มีชีวิตอยู่ในประเทศฝรั่งเศสเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว เขาเป็นอัศวินผู้กล้าหาญ ซึ่งมีคนรักเป็นสาวงาม ครบสูตรคู่รักเฟอร์เฟ็คท์ของสมัยนั้น วันหนึ่งทั้งคู่ไปเดินเล่นริมแม่น้ำ บังเอิญสาวคนรักเหลือบไปเห็นดอกไม้แปลกหน้าสีม่วงเข้มสดใส ซึ่งไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ชูดอกงามอยู่ริมตลิ่ง เธอก็เลยขอร้องคนรักให้ลงไปเก็บให้ ซึ่งเขาก็ทำตามโดยดี แต่โชคร้ายที่ตลิ่งลื่นมาก และตัวเขาก็ใส่เสื้อเกราะเหล็กซึ่งหนักอึ้งอยู่ ชายหนุ่มก็เลยลื่นตกลงไปในแม่น้ำที่เชี่ยวกราก เขาพยายามตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด แต่เพราะน้ำหนักเสื้อทำให้เขาจมลงไปทุกที ชายหนุ่มรู้จุดจบของเขาคงจะมาถึงแน่แล้ว เขาจึงโยนดอกไม้ดอกงามขึ้นไปให้สาวคนรักและตะโกนบอกเธอเป็นประโยคสุดท้ายว่า “ Ne moubliez pas... อย่าลืมฉันนะที่รัก จากนั้นร่างของเขาก็จมลงหายไปในแม่น้ำ ดอก Forget Me Not ” (เป็นคำในภาษาอังกฤษแปลว่าอย่าลืมฉัน) จึงถูกตั้งให้เป็นตัวแทนของรักแท้ที่ไม่มีวันดับ เหมือนความรักของอัศวินหนุ่มกับสาวคนรักนั้นเอง

     คำว่า forget-me-not ไม่ถูก grammar ของปัจจุบัน เอาไว้ใช้พูดกับคนรัก หรือ เพื่อนรักเท่านั้นต่างจาก Don't forget me! เป็นประโยคปกติ ไม่มีความหมาย และไม่สละสลวย ถ้ามีคนมาบอกเราว่า forget-me-not ... ประโยคนี้ มีความหมายลึกซึ้ง ยิ่งกว่า! ค่ะ ^^ ถ้ามีใครสักคนที่มอบดอกไม้นี้ให้กับคุณในวันสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นวันวาเลนไทน์  วันเกิด  วันครบรอบแต่งงาน  โปรดรู้ไว้เลยว่าเค้าไม่อยากให้ความทรงจำที่คุณมีเค้าอยู่  หายไปจากคุณเลย
ที่มา:http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=joyputchanok&month=13-07-2009&group=4&gblog=3